coffeetalk

เทรนด์การดื่มกาแฟยังคงฮิตอย่างต่อเนื่อง ท่านสุภาพบุรุษคงสังเกตได้จากร้านกาแฟที่เปิดสาขามากขึ้นเรื่อยๆแทบทุกแอเรียโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ และกระแส Hashtag อย่าง #Cafehopping ก็กลายเป็นที่นิยม ติดเทรนด์ในโซเชียลมีเดียอีกด้วย เรียกได้ว่าการดื่มกาแฟกับเทรนด์การแต่งตัว ก็กลายมาเป็นแฟชั่นคู่กันไปซะแล้ว Coffee talk วันนี้เราจะพาท่านสุภาพบุรุษมาทำความรู้จักกับประวัติของกาแฟในเมนูต่างๆและสไตล์การแต่งตัวของผู้ชายที่ดื่มกาแฟในแต่ละรสชาติว่าจะมีสไตล์และคาแรกเตอร์แตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ในการดื่มกาแฟอย่างไรก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับกาแฟต้นตำรับที่เป็นจุดกำเนิดของเมนูกาแฟต่าง ๆ ให้เราได้เลือกดื่มในปัจจุบันกันครับ

กาแฟเอสเปรสโซ่ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอิตาลีราวๆ ศตวรรษที่ 20 ช่วงเวลาดังกล่าวกาแฟกลายเป็นหัวใจสำคัญในการดำรงชีวิตของคนอิตาลี คนที่นำเอากาแฟเอสเปรสโซ่เข้ามายังประเทศอิตาลีเป็นชาวแอฟริกันมุสลิม แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนคิดค้นกาแฟเอสเปรสโซ่ขึ้นมาจริงจังเป็นเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองมิลานนามว่า ลุยจิ เบเซร่า ชาวอิตาเลียน เรื่องราวนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1903 ลุยจิเองรู้สึกว่าทุกเช้าเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขารู้สึกได้ถึงความเสียเวลาในการชงกาแฟอย่างมาก นั่นจึงทำให้เขามีไอเดียในการคิดค้นเครื่องมือบางอย่างสำหรับเป็นตัวช่วยในเรื่องการชงกาแฟให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ลุยจิได้เรียกเครื่องดังกล่าวนี้ว่า Fast Coffee Machine หรือในภาษาอิตาเลียนคือ espress ความหมายตรงตัวของภาษาเมื่อแปลเป็นไทยคือ รวดเร็ว เร่งด่วน นั่นจึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟที่คนทั่วโลกรู้จักในเวลาต่อมาว่า กาแฟเอสเปรสโซ่ กาแฟ Espresso เสริฟในแก้วช็อตเล็ก ๆ มีครีมสีน้ำตาลทอง Crema ลอยอยู่ ด้านบนกาแฟดำแบบ Espresso พร้อม Crema ค่อยๆไหลลงมาจากเครื่องชงกาแฟ

จากที่ทำความรู้จักประวัติเอสเปรสโซ่กันไปแล้ว มาดูไลฟ์สไตล์ของท่านสุภาพบุรุษที่ดื่มเอสเปรสโซ่กันครับ Strong, Fast and Smart สามคีย์เวิร์ดหลักที่จะใช้อธิบายไลฟ์สไตล์ของท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ ผู้ชายที่มีความแข็งแรง ฉลาดในการทำงาน และมีชีวิตเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ในเวลาเช้าๆเพียงได้ดื่ม เอสเปรสโซ่สัก 1 ช็อต ก็พร้อมเริ่มวันใหม่ได้อย่างสดใส ‘But First Coffee’ แน่นอนครับว่าต้องเป็นท่านสุภาพบุรุษที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและงานเยอะอย่างนักธุรกิจ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในตู้เสื้อผ้าคงเป็น Suit set เข้าชุด ไม่ว่าจะเป็นสีเรียบๆอย่างสีดำ สีน้ำเงินกรมท่าหรือสูทแฟชั่นอย่างสีเบจ ก็ดูเท่ไม่เบา แต่ละลุคท่านสุภาพบุรุษสามารถแมทซ์ให้แตกต่างกันได้ด้วยเสื้อด้านใน ถ้าใส่กับเสื้อยืดสีขาว หรือสีดำก็จะดู Casual แต่ยังคงความเป็นทางการและทันสมัยมากขึ้นครับ นิยมกันมากในสมัยนี้ โดยเฉพาะกับท่านสุภาพบุรุษสายครีเอทีฟ แต่ถ้าอยากเนี๊ยบเป๊ะ หนุ่มเอสเปรสโซ่ ก็จะหยิบเชิ๊ตรีดเรียบ สีตัดมาแมทช์กันกับสูทได้อย่างลงตัว ส่วนด้านรองเท้า และ Accessories อย่างกระเป๋า และกระเป๋าสตางค์นั้นแน่นอนว่าต้องปรับไปตามความรีบ หรือ ความเป็นทางการในการทำงานของวันนั้นๆอย่างแน่นอน มักนิยมใส่กับรองเท้าผ้าใบสีขาว หรือ รองเท้าหนังทรง ‘Derby’ ที่ให้ลุคที่ดูเนี๊ยบแต่ไม่เป็นทางการจนเกินไป และวันนี้ Takeo Kikuchi Coffee talk ขอแนะนำกระเป๋าBriefcase business bag ทั้งสีดำ สีน้ำเงินและสีเขียว ที่รับประกันความพรีเมี่ยมที่จะช่วยเสริมลุคให้ท่านสุภาพบุรุษเอสเปรสโซ่ ดูดี แตกต่างแบบไม่ซ้ำใคร

coffee-talk

แม้จุดเริ่มต้นของกาแฟหลายๆ ประเภทจะมาจากอิตาลีแต่ความแปลกคือกาแฟอเมริกาโน่มีจุดเริ่มต้นมาจากสหรัฐฯ จุดเริ่มต้นแท้จริงของกาแฟอเมริกาโน่มาจากชาวสหรัฐฯ ได้มีการทดลองดื่มกาแฟเอสเปรสโซ่ของอิตาลีแล้วปรากฏว่ารสชาติมันเข้มข้นเกินไป เพราะรสนิยมการดื่มกาแฟของชาวยุโปรกับอเมริกานั้นมีความต่างกันอยู่ ชาวยุโรปจะดื่มกาแฟเป็นมื้อๆแต่นิสัยการดื่มกาแฟของคนอเมริกันคือจะดื่มตลอดทั้งวัน ไม่ได้มีการเลือกเวลา จึงมีการเรียกกาแฟที่ผสมน้ำเพื่อให้เกิดความเจือจางของรสชาตินี้ว่า อเมริกาโน่ หมายถึง อเมริกัน หรือทำนองว่าเครื่องดื่มสำหรับคนอเมริกัน พื้นฐานรสชาติการดื่มกาแฟของคนอเมริกันจะเน้นเรื่องความอ่อนนุ่ม ละมุนลิ้น

Clean, Easy and Functional สามคีย์เวิร์ดหลัก ที่จะใช้อธิบายไลฟ์สไตล์ของท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ ผู้ชายที่ต้องการทำให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยฟังก์ชันของเสื้อผ้า สะอาด และดูแข็งแรงเหมือนผู้ชายที่ออกกำลังมีกล้ามนิดๆ ท่านสุภาพบุรุษที่ชอบทานกาแฟระหว่างวันแต่ไม่อยากให้ขมมากจึงเติมน้ำเข้าไปเป็นอมเริกาโน่ และยังแอบรักษาหุ่นจึงไม่ชอบที่จะดื่มเป็นกาแฟใส่นม ชอบการแต่งตัวที่เน้นความฟังก์ชันเป็นหลักอย่างOuter ที่มีกระเป๋าเยอะๆ หรือฮู้ดที่ดูสปอร์ต ผ้าที่สามารถฟังก์ที่สามารถกันเหงื่อได้ดีหรือกันหนาวก็ได้เช่นกัน เน้นการใช้งานและความคุ้มค่าเป็นหลัก Takeo Kikuchi Coffee talk มาแนะนำการแต่งตัวของท่านสุภาพบุรุษอย่างหนุ่มอเมริกาโน่ในการแมชชิ่งลุคไปทำงานแต่ยังClean, Easy และ Functional การใส่เสื้อที่สีดู casual แต่แมชด้วยกางเกงที่ทรงดูเป็นทางการใส่คู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียในการแต่งตัวใส่ไปทำงานก็ได้ใส่ชิวๆในวันหยุดก็ยังดูดี และที่สำคัญ กระเป๋าทรง Tote ตอบโจทย์หนุ่มอเมริกาโน่เป็นอย่างมาก เพราะจุของได้เยอะ และ ยังมีฟังชันก์ที่ช่วยจัดระเบียบให้หาของง่ายขึ้น

coffee-talk-

ลาเต้ เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า นม ส่วนในประเทศอื่น จะหมายถึง กาแฟที่เตรียมด้วย นมร้อน โดยการเทเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมๆ กัน และจะหยอด โฟมนมหนาประมาณ 1 ซม. ทับข้างบน ในประเทศอิตาลี กาแฟลาเต้นี้ รู้จักกันในชื่อของ“caffè e latte” ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม ซึ่งใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส คำว่า “café au lait” กาแฟลาเต้เริ่มเป็นที่นิยมภายนอก ประเทศอิตาลีในช่วงต้น ทศวรรษที่ 1980 ในการชงกาแฟลาเต้นั้น บาริสต้า (หรือผู้ชงกาแฟ) จะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและโฟม นมลงบนกาแฟทำให้เกิดลวดลายต่างๆ เรียกว่าลาเต้อาร์ต (latte art) หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ เงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลาเต้อาร์ตต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญอย่างมากสองส่วนที่เป็นพื้นฐานเลยก็คือเครื่องชงเอสเปรสโซ่ที่ดีและคุณภาพของฟองนมที่ตีจนแตกฟองสวย เนื้อละเอียด แล้วถึงจะตามมาด้วยฝีมือของบาริสต้าที่จะมาโชว์ลาเต้อาร์ตสวยๆเป็นลำดับถัดไป

Casual, Chill and Fun สามคีย์เวิร์ดหลักที่จะใช้อธิบายไลฟ์สไตล์ของท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ ลาเต้เป็นกาแฟที่เป็นจุดกำเนิดของศิลป บนกาแฟ ไลฟ์สไตล์ของท่านสุภาพบุรุษที่ชอบดื่มลาเต้เรียกได้ว่าสายชิลสายอาร์ตอย่างแท้จริง ท่านสุภาพบุรุษสายชิลแต่มีความอาร์ท มีศิลปะในหัวใจ ส่วนใหญ่จะชอบตระเวนไปจิบกาแฟแบบ Café hopping style อยู่แล้ว แนวทางการแต่งตัว จึงชอบใส่เสื้อผ้าแนวโทนสี เอิร์ธโทนให้ดูสบายตา เช่นสี เบจ สีขาว แมชกับรองเท้าผ้าใบ หรือใส่เสื้อทรง Oversize แต่ยังคงคุมโทนสีเรียบแบบ Minimal (สีคล้ายๆลาเต้)Takeo Kikuchi Coffee talk มาแนะนำการแมชชิ่งลุคของท่านสุภาพบุรุษอย่างหนุ่มลาเต้ท่านนี้ ด้วยสินค้าขายดีของทางร้านคือเสื้อโปโล